สั่งสมบุญตลอดพรรษา

        ชีวิตของสรรพสัตว์มีความตายเป็นที่สุด สัตว์ทั้งหลายจักเข้าถึงผลบุญและบาปที่ทำเอาไว้ ผู้ทำกรรมชั่วจักไปสู่นรก ส่วนผู้ทำกรรมดีจักไปสู่สุคติ เพราะฉะนั้น เมื่อสั่งสมกรรมอันมีผลในภายหน้า พึงทำแต่กรรมดีงาม บุญทั้งหลายย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลายในปรโลก


        พระรัตนตรัยประกอบด้วยรัตนะทั้งสาม คือพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ ๓ อย่างนี้ เป็นแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา และเป็นสรณะที่พึ่งที่ระลึกของชาวโลก มนุษยชาติที่เกิดมาต่างแสวงหาที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดนี้ ผู้ได้เข้าถึงพระรัตนตรัย เห็นพระธรรมกายใสสว่างอยู่ในกลางตัว ได้ชื่อว่าเป็นผู้ประสบความสุขความสำเร็จในชีวิต ได้บรรลุเป้าหมายของการเกิดมาเป็นมนุษย์ ที่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายได้เข้าถึงความเต็มเปี่ยมของชีวิตแล้ว ท่านเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระรัตนตรัยภายในตลอดเวลา ฉะนั้นการฝึกฝนใจให้หยุดนิ่ง จึงเป็นหน้าที่หลักของมวลมนุษยชาติ ที่จะนำพาตนเองก้าวไปสู่ความบริสุทธิ์หลุดพ้น ไปสู่พระนิพพานอันเป็นบรมสุข

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน อัยยิกาสูตร ความว่า

“สพฺเพ สตฺตา มริสฺสนฺติ มรณนฺตํ หิ ชีวิตํ
ยถากมฺมํ คมิสฺสนฺติ ปุญฺญปาปผลูปคา
นิรยํ ปาปกมฺมนฺตา ปุญฺญกมฺมา จ สุคตึ
ตสฺมา กเรยฺย กลฺยาณํ นิจยํ สมฺปรายิกํ
ปุญฺญานิ ปรโลกสฺมึ ปติฏฺฐา โหนฺติ ปาณินํ

        ชีวิตของสรรพสัตว์มีความตายเป็นที่สุด สัตว์ทั้งหลายจักเข้าถึงผลบุญและบาปที่ทำเอาไว้ ผู้ทำกรรมชั่วจักไปสู่นรก ส่วนผู้ทำกรรมดีจักไปสู่สุคติ เพราะฉะนั้น เมื่อสั่งสมกรรมอันมีผลในภายหน้า พึงทำแต่กรรมดีงาม บุญทั้งหลายย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลายในปรโลก”

        ชีวิตของมนุษย์ทุกคน เกิดมาแล้วล้วนบ่ายหน้าไปสู่ความแก่ชรา ถูกความเจ็บเข้ารุมเร้า ต้องคอยประคองรักษาให้อัตภาพนี้เป็นไปได้นานที่สุด แม้จะดูแลให้เป็นอยู่ได้นานเพียงใด สุดท้ายก็ต้องตายกันทั้งหมด ความตายเป็นสิ่งที่เราจะหลีกลี้หนีไปไม่ได้ เป็นสัจธรรมของชีวิตที่ทุกคนต้องเจอ นี่คือความเท่าเทียมกัน ที่ทุกๆ คนได้รับมาตั้งแต่เกิด ตราบใดที่ยังไม่หมดกิเลสเป็นพระอรหันต์ ตราบนั้นก็ยังต้องเวียนว่ายอยู่ในห้วงสังสารวัฏนี้เรื่อยไป

        ความแตกต่างของมนุษย์อยู่ที่การกระทำ ว่าจะทำดีหรือทำชั่ว เราจะเดินทางไปสุคติภูมิ เสวยผลบุญที่ได้สั่งสมเอาไว้ในชาตินี้ หรือไปสู่อบายภูมิ เสวยวิบากกรรมที่มีแต่ความทุกข์ทรมาน ล้วนขึ้นอยู่กับการกระทำของเราทั้งสิ้น

        วิสัยของนักปราชญ์บัณฑิต ท่านจะหมั่นชำระกาย วาจา ใจให้สะอาดบริสุทธิ์ สั่งสมแต่บุญกุศลล้วนๆ เพิ่มเติมบุญบารมีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป เพราะท่านรู้ว่าชีวิตเป็นสิ่งที่มีค่า เกิดมาต้องสร้างบารมี แต่ถ้าหากพลาดพลั้งไปทำบาปอกุศลเข้า ก็จะรีบแก้ไขปรับปรุง ลด ละ เลิก ในสิ่งที่ไม่ดีเหล่านั้นโดยทันที

        ผู้ที่สั่งสมบุญเอาไว้มากๆ ใจจะเกาะเกี่ยวอยู่กับความดีตลอดเวลา แม้เกิดไปกี่ภพกี่ชาติ หรืออยู่ในสถานการณ์อย่างไร ก็ยังคงทำความดีเรื่อยไป เพราะมีความคุ้นเคย เหมือนเสือคุ้นป่า ปลาคุ้นน้ำ แม้บางชาติพลาดพลั้งต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉาน แต่เนื่องจากบุญในตัวมีมาก แม้เป็นสัตว์ก็ยังไม่หยุดยั้งในการสั่งสมบุญ

        * เหมือนในสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ผุสสะ มีนกดุเหว่าขาวตัวหนึ่งมาอาศัยอยู่ที่ต้นมะม่วงใกล้กับพระคันธกุฎี ได้เห็นพระรัศมีของพระองค์สว่างไสวไม่มีประมาณ ทรงสมบูรณ์พร้อมด้วยพระพุทธลักษณะ เวลาที่พระองค์เสด็จออกบิณฑบาตก็อยู่ในพระอาการสำรวมน่าเลื่อมใส เจ้านกดุเหว่าจึงแสดงอาการเลื่อมใสในพระองค์ด้วยการส่งเสียงร้องอย่างไพเราะ และคาบผลมะม่วงสุกที่มีรสอร่อยมีกลิ่นหอมมาใส่บาตร พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงรับไว้ เจ้านกดุเหว่าดีใจมากที่ได้ถวายทานแด่เนื้อนาบุญอันเลิศ จึงประนมปีกทั้งสองข้าง คล้ายการประนมมือเพื่อนมัสการพระองค์

        ด้วยผลแห่งบุญนั้น เมื่อเจ้านกตายไป ก็ได้บังเกิดบนสวรรค์ชั้นดุสิต เป็นเทพบุตรผู้มีวิมานใหญ่โตมโหฬาร มีรัศมีกายสว่างไสว เพราะมีจิตเลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เสวยทิพยสมบัติเป็นเวลายาวนาน หลังจากนั้น ก็จุติมาเกิดเป็นพระราชาผู้ยิ่งใหญ่ ทรงพระนามว่า กิกี ครองราชสมบัติอยู่ในแคว้นกาสี ในยุคสมัยนั้น มหาชนได้พร้อมใจกันก่อสร้างมหาเจดีย์เพื่อบูชาพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์มีพระทัยเลื่อมใส จึงร่วมสร้างมหาเจดีย์สูงหนึ่งโยชน์ประดับด้วยรัตนชาติทุกชนิด วิจิตรตระการตาสวยงามมาก สว่างไสวทั้งกลางวันและกลางคืนด้วยแสงแห่งแก้วมณี และรัตนชาตินั้น

        พระองค์ทรงเป็นพระราชาผู้ปกครองแผ่นดินโดยธรรม ทำให้บ้านเมืองสงบสุขร่มเย็น อยู่ร่วมกันโดยอาศัยธรรมะเป็นหลัก ไม่ต้องมีกฎระเบียบข้อบังคับมากมายเช่นในปัจจุบันนี้ เมื่อท่านละจากอัตภาพนั้นแล้ว ได้ไปเสวยทิพยสมบัติอยู่ในสุคติโลกสวรรค์ มีวิมานใหญ่โตยิ่งขึ้นไปอีก มีรัศมีกายสว่างไสวกลบรัศมีของเทพองค์อื่นๆ และได้เข้าถึงความเป็นใหญ่อันเป็นทิพย์ เป็นผู้ปกครองชาวสวรรค์ทั้งหลายเป็นเวลายาวนาน

        จนกระทั่งมาในภพชาติสุดท้าย บุญบารมีของท่านเต็มเปี่ยม ได้มาเกิดเป็นลูกมหาเศรษฐีชาวเมืองสาวัตถี เนื่องจากท่านสั่งสมความเลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามานับภพนับชาติไม่ถ้วน เพียงแค่เห็นพระพุทธองค์กำลังเสด็จบิณฑบาตเท่านั้น ก็เกิดความศรัทธาเลื่อมใสอย่างเปี่ยมล้น เกิดปีติขนลุกชูชัน

        ท่านจึงขออนุญาตบิดามารดาออกบวชทันที ครั้นบวชได้ไม่กี่วัน บุญแห่งความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า ส่งผลให้ท่านทำใจหยุดนิ่งได้อย่างรวดเร็ว เข้าถึงพระธรรมกายภายใน บรรลุเป็นพระอรหันต์อย่างง่ายดาย ไม่ต้องเสียเวลาทำความเพียรให้ลำบาก นอกจากนี้ อานิสงส์ของบุญที่เคยเกิดเป็นนก แล้วร้องด้วยเสียงไพเราะ บูชาพระผุสสสัมมาสัมพุทธเจ้าในครั้งโน้น ทำให้ท่านเป็นผู้มีเสียงไพเราะเสนาะโสต เป็นที่ถูกใจของทุกคน ใครฟังแล้วก็เกิดความรักความพอใจ มีจิตศรัทธาเลื่อมใส ซึ่งต่อมาท่านได้รับการสถาปนาจากพระบรมศาสดาว่า เป็นภิกษุเอตทัคคะ ผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในการพูดจาไพเราะเสนาะโสต

        พวกเราทุกคนก็เช่นเดียวกัน เรากำลังสั่งสมบุญกันในพรรษานี้ หลวงพ่ออยากให้ทุกคนได้สร้างบารมีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป เราจะได้บุญใหญ่จากการปฏิบัติธรรม สวดมนต์สรรเสริญพระรัตนตรัย ซึ่งเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดของมวลมนุษยชาติ เราทำความดีคนเดียวยังไม่พอ ต้องชวนสมาชิกทุกคนในบ้าน และญาติมิตรอันเป็นที่รักของเรา ให้มาร่วมสวดมนต์นั่งสมาธิ(Meditation)ด้วย ให้สว่างไสวกันทั้งบ้าน เพื่อเราจะได้รับอานิสงส์ใหญ่เหมือนๆ กัน

        หลวงพ่ออยากเชิญชวนให้ทุกๆ คนทั่วโลก นั่งสมาธิกันทุกวัน อย่างน้อยวันละ ๑ ชั่วโมง พรรษานี้ตั้งใจว่าอยากให้ได้สัก ๑๐ ล้านชั่วโมงธรรมกาย ให้เป็นจุดเริ่มต้นของสันติสุขในอีกพันปีข้างหน้า แต่ถ้าทำได้มากกว่านั้นก็ยิ่งดี ขอให้ตั้งใจให้แน่วแน่ว่าตลอดพรรษานี้ เราจะนั่งสมาธิทุกๆ วัน วันละ ๑ ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย นั่งกันทั้งครอบครัวเลย จะได้เป็นครอบครัวธรรมกาย ยิ่งถ้าเรามานั่งรวมกันมากๆ ก็จะยิ่งเกิดกำลังใจซึ่งกันและกัน หลวงพ่อจึงอยากให้เปิดบ้านของเราเป็นบ้านกัลยาณมิตร เป็นอริยสถานแห่งการบรรลุธรรม โดยทำบ้านของเราให้เป็นทิพยสถานในเมืองมนุษย์ เป็นที่ปฏิบัติธรรมที่สว่างไสวทั้งกลางวัน และกลางคืน ด้วยแสงแห่งธรรม

        สถานที่ใดมีการรวมตัวกันทำความดี สถานที่นั้นก็จะมีความสว่างไสว สิริมงคลทั้งหลายจะหลั่งไหลมาสู่ตัวเราและสมาชิกทุกคนในบ้าน ดังนั้น ใครก็ตามที่เราสามารถชักชวนให้เขามาทำใจหยุดนิ่ง มาฟังธรรม และมาเข้าถึงธรรมที่บ้านของเราได้ เขาจะไม่มีวันลืมเราเลยจนตลอดชีวิต เราจะอยู่ในดวงใจของเขาตลอดเวลา ในฐานะที่ได้ทำหน้าที่ยอดกัลยาณมิตรผู้ให้แสงสว่างแก่โลก

        ดังนั้น ถ้าใครอยากได้บุญใหญ่ที่เป็นไปเพื่อการตรัสรู้ธรรมติดตัวไปข้ามภพข้ามชาติ และอยากมีญาติมิตรพวกพ้องบริวารที่เป็นนักปราชญ์บัณฑิต เป็นสัมมาทิฏฐิ มีกัลยาณมิตรคอยแนะนำตลอดเส้นทางการสร้างบารมี ให้เริ่มต้นด้วยการเปิดบ้านกัลยาณมิตร ให้ผู้มีบุญได้มากลั่นกาย วาจา ใจ ทำความบริสุทธิ์ให้บังเกิดขึ้นแก่โลก โลกของเราจะเป็นโลกแก้วที่น่าอยู่ ในวันธรรมดาเราปฏิบัติกันที่บ้าน ส่วนวันอาทิตย์เราก็มาสร้างบารมีรวมกันที่วัดพระธรรมกาย หรือที่วัดใกล้ๆ บ้าน ถ้าทำอย่างนี้ได้ พรรษานี้จะเป็นพรรษาแห่งความสมปรารถนาของพวกเราทุกคน

พระธรรมเทศนาโดย: พระเทพญาณมหามุนี
นามเดิม พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)

* มก. เล่ม ๗๒ หน้า ๓๒๑

ที่มา - http://buddha.dmc.tv