โลภนักมักลาภหาย

ถึงหากจะให้แผ่นดินทั้งหมด แก่คนอกตัญญู ผู้คอยมองหาช่องอยู่เป็นนิตย์ ก็ไม่ทำให้เขาพอใจได้


       เราเกิดมาภพชาติหนึ่ง เพื่อแสวงหาที่พึ่งที่ระลึกอันแท้จริง แสวงหาสิ่งที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เป็นสุขได้ด้วยตนเอง และเป็นตัวตนที่แท้จริง สิ่งที่เราต้องการนี้รวมประชุมอยู่ในธรรมกายทั้งหมด ธรรมกายคือแก่นของชีวิต เป็นชีวิตในระดับลึกที่อยู่ภายในตัวของเรา ที่ทุกคนมีสิทธิ์จะเข้าถึงได้หากฝึกใจให้หยุดนิ่ง ถ้าหยุดได้เมื่อไรก็เข้าถึงได้เมื่อนั้น เมื่อเราเข้าถึงธรรมกายแล้ว ชีวิตเราจะอยู่อย่างมีความหมาย และอยู่อย่างมีเป้าหมาย เป็นชีวิตที่มีแก่นสารสาระมีความมั่นคง และปลอดภัยตลอดกาล

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน สีลวนาคชาดก ว่า

“อกตญฺญุสฺส โปสสฺส นิจฺจํ วิวรทสฺสิโน
สพฺพญฺเจ ปฐวึ ทชฺชา เนว นํ อภิราธเย

ถึงหากจะให้แผ่นดินทั้งหมด แก่คนอกตัญญู ผู้คอยมองหาช่องอยู่เป็นนิตย์ ก็ไม่ทำให้เขาพอใจได้”

       ไม่มีสมบัติชิ้นใดในโลก ที่จะทำให้คนโลภมาก เกิดความรู้สึกว่าเพียงพอ คนโลภจะมีใจพร่องอยู่เป็นนิตย์ ทำให้ไม่ยินดีในสิ่งที่ตนเองได้ ไม่พอใจในสิ่งที่มี หรือแม้ได้สิ่งที่ปรารถนามาแล้ว ก็ยังอยากได้สิ่งอื่นต่อไปอีก บางครั้งถึงขนาดทำบาปอกุศลโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องดีงาม เหตุที่ชาวโลกมีการเอารัดเอาเปรียบกัน ส่วนหนึ่งเกิดจากความโลภ ไม่รู้จักความพอดี ทำให้เกิดการแก่งแย่งชิงดีข่มเหงรังแกกัน ใช้อาวุธเข้าห้ำหั่นกัน โลกจึงเกิดความสับสนวุ่นวาย เพราะความไม่รู้จักพอของมนุษย์นั่นเอง

       * ดังเรื่องในสมัยพุทธกาล เมื่อพ่อค้าชาวเมืองสาวัตถี ได้เดินทางไปค้าขายยังต่างเมือง ก่อนออกเดินทางต่างชวนกันมาถวายภัตตาหารแด่พระบรมศาสดา และพระภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ แล้วขอถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ พร้อมกับสมาทานศีล ๕ เพื่อเป็นเกราะแก้วคุ้มกันภัย จากนั้นก็พากันออกเดินทางพร้อมกับกองเกวียน ๕๐๐ เล่ม ทุกคนต่างมีความปีติ อิ่มเอิบเบิกบานใจในบุญกุศลที่ได้ทำ

        เมื่อพวกพ่อค้าเดินทางผ่านเข้าไปในป่าดงดิบ ซึ่งเป็นป่ารกชัฏ พวกเขาหาทางออกไม่ได้ ได้แต่เดินวกไปวนมา เสียเวลาอยู่นานหลายวัน ก็ยังไม่พบทางออก น้ำ และอาหารค่อยๆ ร่อยหรอลงไป ทุกคนต่างหมดเรี่ยวแรง ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เลยนึกถึงบุญ นึกถึงศีลที่ได้สมาทานก่อนออกเดินทาง แล้วส่งจิตไปถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า ขอถึงพระองค์เป็นสรณะ และในวันที่ ๗ นั่นเอง บุญบันดาลให้พวกเขาพบต้นไทรใหญ่ที่ร่มรื่น ทุกคนต่างรีบเข้าไปนั่งพักผ่อนที่โคนต้นไทรด้วยความดีใจ

        หัวหน้าพ่อค้าสังเกตเห็นว่าต้นไทรมีใบเขียวชอุ่ม จึงทดลองตัดกิ่งทางด้านทิศตะวันออก ทันใดนั้นเอง ท่อน้ำขนาดลำตาลได้หลั่งไหลพรั่งพรูออกมาจากกิ่งต้นไทร พวกพ่อค้าปีติดีใจกันมาก พากันอาบและดื่มน้ำด้วยความชุ่มฉํ่าใจ จากนั้นพวกเขาได้ไปตัดกิ่งทางทิศใต้ ความอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นอีกคือ โภชนะมีรสเลิศประหนึ่งอาหารทิพย์ได้หลั่งไหลออกมาจากกิ่งนั้น ทุกคนต่างกินอาหารด้วยความเอร็ดอร่อย เมื่อลองตัดกิ่งไทรทางด้านทิศตะวันตก ปรากฏเหล่าสตรีงดงามประดุจเทพธิดาได้ออกมาจากกิ่งนั้น คอยบำรุง และอำนวยความสะดวกให้เหล่าพ่อค้า เมื่อเสร็จภารกิจก็อันตรธานหายไป

        จากนั้นพวกพ่อค้าได้ไปตัดกิ่งไทรทางด้านทิศเหนืออีก รัตนะ ๗ ประการก็หลั่งไหลออกจากกิ่งนั้น ทำให้พวกพ่อค้าเกิดความอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาพากันเก็บรัตนชาติ บรรทุกจนเต็มเกวียนทั้ง ๕๐๐ เล่ม พร้อมกับอนุโมทนาต่อรุกขเทวดาที่ช่วยชีวิตพวกตนไว้ แล้วทั้งหมดก็พากันกลับนครสาวัตถีโดยสวัสดิภาพ

        เมื่อกลับถึงบ้าน พวกพ่อค้าก็ชักชวนกันไปทำบุญถวายทานแด่พระภิกษุสงฆ์ และได้อุทิศบุญกุศลให้รุกขเทวาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ได้ให้ทรัพย์แก่พวกตน พร้อมทั้งได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดถวายพระบรมศาสดา พระพุทธองค์ตรัสชมเชยว่า “ดีแล้ว ที่พวกเธอมิได้ลุอำนาจความทะยานอยาก เป็นผู้รู้จักพอ จึงได้ทรัพย์สมบัติมามากมาย ผิดกับในกาลก่อนมีอสัตบุรุษไม่รู้จักประมาณ เห็นแก่ได้ จึงต้องถึงแก่ความตายอย่างน่าเวทนา” แล้วพระองค์ทรงนำเรื่องในอดีตมาเล่าว่า

        ในอดีตกาล ณ ที่เดียวกันนั่นเอง มีพวกพ่อค้า ๕๐๐ คนได้หลงทางวนเวียนอยู่ในดินแดนพิศวงแห่งนั้น แล้วมาพบกับต้นไทรใหญ่ที่มีร่มเงาเย็นสบาย ต่างพากันเข้าไปนั่งพักที่ใต้ร่มต้นไทรนั้น พ่อค้าเหล่านั้นช่วยกันตัดกิ่งต้นไทรทางด้านทิศตะวันออก ก็มีน้ำใสเย็นหลั่งไหลออกมาเป็นสาย พวกเขาอาบดื่มกินจนเพียงพอแก่ความต้องการ เมื่อสบายอกสบายใจกันแล้ว ก็พากันตัดกิ่งทางด้านทิศใต้ ข้าวสาลี และอาหารหวานคาวที่มีรสเลิศทั้งหลายก็ไหลออกมา พวกเขาก็ได้กินอาหารจนอิ่มทุกคน

        จากนั้นพวกเขาได้ไปตัดกิ่งไทรทางด้านทิศตะวันตก เหล่านารีตกแต่งประดับประดาร่างกายอย่างสวยงาม พากันออกมาขับร้องฟ้อนรำ บำรุงบำเรอพ่อค้า ให้ได้รับความสะดวกสบาย แล้วก็อันตรธานหายไป พวกพ่อค้าไม่รู้จักพอ ก็ช่วยกันตัดกิ่งไม้ทางด้านทิศเหนือ ทันทีที่กิ่งนั้นถูกตัดขาด รัตนชาติมากมายก็พรั่งพรูออกมา เสื้อผ้าอาภรณ์ของมีค่าเครื่องประดับมากมาย หลั่งไหลออกมาอย่างน่าอัศจรรย์

        พวกเขาช่วยกันขนของมีค่าใส่เกวียนจนเต็ม แต่ก็ยังอยากได้มากกว่านั้นอีก เพราะความโลภไม่รู้จักพอ จึงชักชวนกันว่า เราน่าจะตัดต้นไม้ต้นนี้ โค่นให้ล้มลง เพราะบางทีอาจมีอะไรที่ยิ่งกว่านี้ ขณะนั้นเองหัวหน้ากองเกวียนซึ่งเป็นบัณฑิตเห็นว่า การกระทำนั้นไม่สมควร จึงขอร้องว่า “พวกเราอย่าได้ทำลายต้นไทรต้นนี้เลย เราสมปรารถนาทุกอย่างเพราะอาศัยต้นไทรต้นนี้ การทำเช่นนี้ ผู้รู้ทั้งหลายย่อมติเตียน ขอให้ทุกท่านออกเดินทางกันดีกว่า”

        พ่อค้าส่วนใหญ่ ถูกความโลภเข้าครอบงำเสียแล้ว จึงไม่เชื่อฟังถ้อยคำของหัวหน้า ต่างถือมีดถือขวานมา ตั้งใจจะตัดโคนต้นไทร แต่ยังไม่ทันได้ลงมือ พญานาคราชซึ่งสถิตอยู่ที่แห่งนั้นเกิดความโกรธขึ้นมา จึงบอกให้พวกนาคฆ่าพ่อค้าเหล่านั้นให้หมด ยกเว้นนายกองเกวียนเพียงผู้เดียว นาคราชผู้มีฤทธิ์ทั้งหลายพากันฆ่าพวกพ่อค้าโลภมากจนหมดสิ้น ด้วยความโกรธที่ไม่รู้จักพอ เหลือไว้เพียงหัวหน้ากองเกวียนผู้มีคุณธรรม แล้วช่วยกันขนรัตนชาติของมีค่าบรรทุกจนเต็มเกวียนทั้ง ๕๐๐เล่ม พาหัวหน้ากองเกวียนมาส่งถึงปากทางเข้ากรุงพาราณสี จากนั้นก็กลับสู่นาคพิภพดังเดิม

        เราจะเห็นว่า โลภนักมักลาภหายอย่างนี้นี่เอง ซึ่งถ้าเรารู้จักยินดีในสิ่งที่ได้ พอใจในสิ่งที่มี เราจะได้สัมผัสถึงความเต็มเปี่ยมของจิตใจ ที่รู้สึกว่าเพียงพอ ความพอดีทำให้เกิดความพอใจ ความพอใจเป็นความสุขที่ได้มา โดยไม่ต้องใช้เงินทองไปแสวงหา ซึ่งยอดนักสร้างบารมีผู้มีน้ำใจเยี่ยงพระโพธิสัตว์ ต้องพร้อมที่จะเป็นผู้ให้ตลอดเวลา เพราะชาวโลกกำลังรอคอยพวกเราเหล่ากัลยาณมิตรทั้งหลายที่จะแนะนำหนทางสว่าง ให้ได้พบกับสันติสุขภายในที่แท้จริงของชีวิต ในเทศกาลเข้าพรรษานี้ หลวงพ่ออยากให้เป็นพรรษาที่พิเศษกว่าทุกๆ ปี คืออยากให้ทุกคนได้ทำหน้าที่ยอดกัลยาณมิตร เชิญชวนเพื่อนรอบข้าง ให้มาปฏิบัติธรรมร่วมกันที่บ้านของเรา อย่างน้อยบ้านละ ๑๐ คน

        ใครมีญาติพี่น้อง มีเพื่อนพ้องมาก ก็ชักชวนกันสร้างบารมีให้เต็มที่ บุญในตัวจะได้เพิ่มมากขึ้น เราจะได้บริวารสมบัติเป็นอานิสงส์ เกิดภพชาติใด จะได้อยู่ในแวดวงของกัลยาณมิตร ซึ่งจะช่วยประคับประคองให้เราสร้างความดียิ่งๆ ขึ้นไป เพราะฉะนั้น ให้เชิญชวนกันมาทำใจหยุดนิ่งที่บ้านของเรา จะได้เป็นบ้านกัลยาณมิตรที่สว่างไสวด้วยแสงธรรม หลวงพ่อเชื่อว่า ถ้าทำได้ตลอดทั้งพรรษาอย่างนี้ โลกจะเย็นลง สันติภาพจะบังเกิดขึ้นเป็นอัศจรรย์ และพรรษานี้ให้ตั้งใจปฏิบัติธรรมกันให้ดี ทำไปจนกว่าจะเข้าถึงพระธรรมกายกันทุกๆ คน

พระธรรมเทศนาโดย: พระเทพญาณมหามุนี
นามเดิม พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)

* มก. เล่ม ๖๐ หน้า ๔๘๔

ที่มา - http://buddha.dmc.tv