สังคมในอุดมคติ

       ผู้ที่แผ่เมตตาเป็นประจำ จะทำให้หลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข ไม่ฝันร้าย หากฝันก็ฝันแต่เรื่องที่เป็นสิริมงคล จะเป็นที่รักทั้งของมนุษย์ และอมนุษย์ เทวดาจะคุ้มครองรักษา ศัสตราวุธ อัคคีภัย ภัยพิบัติทั้งหลายจะไม่มากลํ้ากราย จะทำให้เป็นผู้มีจิตใจมั่นคง ผิวพรรณวรรณะผ่องใส เป็นผู้ไม่หลงทำกาละ แม้ละโลกไปแล้ว จะเข้าถึงพรหมโลก


       เราได้เหน็ดเหนื่อยกันมาตลอดทั้งวัน จากการประกอบธุรกิจหน้าที่การงาน การศึกษาเล่าเรียน หรือเรื่องอื่นๆ ที่เราได้ทำผ่านมาแล้ว ดังนั้น ในช่วงเวลาต่อจากนี้ไป เราจะให้โอกาสแก่ตัวของเราเอง ในการแสวงหาสาระอันแท้จริงของชีวิต เพื่อเพิ่มเติมสิ่งที่มีคุณค่ามากที่สุดให้กับชีวิตของเรา ด้วยการปฏิบัติธรรม ชีวิตจะได้ประสบแต่ความสุขความเจริญรุ่งเรือง เมื่อใจอยู่ในกระแสธรรม เราจะมีความสุขรู้สึกโปร่งเบาสบาย มีความสดชื่นเบิกบาน คลายจากความเหน็ดเหนื่อยที่ได้ตรากตรำมาทั้งวัน

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสอานิสงส์ของการแผ่เมตตาเอาไว้ว่า

       “สุขํ สุปติ สุขํ ปฏิพุชฺฌติ น ปาปกํ สุปินํ ปสฺสติ มนุสฺสานํ ปิโย โหติ อมนุสฺสานํ ปิโย โหติ เทวตา รกฺขนฺติ นาสฺส อคฺคิ วา วิสํ วา สตฺถํ วา กมติ ตุวฏํ จิตฺตํ สมาธิ(Meditation)ยติ มุขวณฺโณ วิปฺปสีทติ อสมฺมุฬฺโห กาลํ กโรติ อุตฺตรึ อปฺปฏิวิชฺฌนฺโต พฺรหฺมโลกูปโค โหติ

       ผู้ที่แผ่เมตตาเป็นประจำ จะทำให้หลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข ไม่ฝันร้าย หากฝันก็ฝันแต่เรื่องที่เป็นสิริมงคล จะเป็นที่รักทั้งของมนุษย์ และอมนุษย์ เทวดาจะคุ้มครองรักษา ศัสตราวุธ อัคคีภัย ภัยพิบัติทั้งหลายจะไม่มากลํ้ากราย จะทำให้เป็นผู้มีจิตใจมั่นคง ผิวพรรณวรรณะผ่องใส เป็นผู้ไม่หลงทำกาละ แม้ละโลกไปแล้ว จะเข้าถึงพรหมโลก”

       โดยเฉพาะสถานที่ใด มีการรวมตัวกันประพฤติปฏิบัติธรรมอยู่เป็นประจำ ไม่ว่างเว้นจากการทำใจหยุดใจนิ่ง แผ่เมตตาทุกวันให้สรรพสัตว์ทั้งหลายอย่างไม่มีประมาณ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์สองเท้า สี่เท้า มีเท้ามาก มีเท้าน้อย หรือไม่มีเท้าก็ตาม ความสว่างไสวจะบังเกิดขึ้นที่นั้น ศัสตราวุธ เขี้ยวงา หมอเสน่ห์ เล่ห์กล มนต์ คาถา เจ้าทรง ผีสิง เข้ามากลํ้ากรายไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นอัคคีภัย โจรภัย ราชภัย และภัยทุกชนิดจะไม่เกิดขึ้น ถ้ามีอุปสรรคก็จะเปลี่ยนจากหนักเป็นเบา จากร้ายกลายเป็นดี ทำให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตเหล่านั้นไปได้ด้วยดี

       หากมีผู้มาปฏิบัติธรรมกันมากๆ และมีผู้เข้าถึงความสว่างภายใน เข้าถึงพระธรรมกายภายใน สถานที่นั้นจะเป็นอริยสถาน เหมือนเป็นดินแดนแห่งการตรัสรู้ธรรมเลยทีเดียว และเมื่อแผ่เมตตาไปให้กับสรรพสัตว์ทั้งมนุษย์ อมนุษย์ เทวดา ไม่ว่าจะเป็นภุมเทวา เทวดาที่อยู่ตามภาคพื้นดิน รุกขเทวา เทวดาที่มีวิมานอยู่ในต้นไม้ใหญ่ๆ อากาสเทวา เทวดาที่มีวิมานอยู่ในอากาศ เทวดาทั้งหลายเหล่านั้นจะมาเป็นเทวดาประจำบ้านคอยปกปักรักษาผู้มีบุญทั้งหลาย ให้ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง เหมือนดังเรื่องราวของอายุวัฒนกุมาร ที่ใช้บ้านเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ให้มหาชนมาฟังพระสงฆ์เจริญพุทธมนต์ สวดพระปริตร และฟังธรรมกัน ทำให้รอดพ้นจากความตายมาได้อย่างเป็นอัศจรรย์ เรื่องมีอยู่ว่า

       * ในสมัยพุทธกาล มีพราหมณ์สามีภรรยาคู่หนึ่ง ให้กำเนิดลูกชายน่ารักน่าเอ็นดู บรรดาญาติมิตรเพื่อนพ้องเมื่อทราบข่าวนี้ ต่างพากันเดินทางมาเยี่ยมเยือนมิได้ขาด วันหนึ่ง มีเพื่อนของพราหมณ์สามีซึ่งออกบวชเป็นนักพรตมาเยี่ยมถึงบ้าน พราหมณ์สองสามีภรรยาจึงออกไปต้อนรับปฏิสันถารเป็นอย่างดี นักบวชท่านนั้นได้ให้พรว่า “ขอให้ท่านทั้งสองมีอายุยืนนาน” โดยที่ไม่ได้ให้พรกับลูกชายของเขาแต่อย่างใด

       สาเหตุเพราะนักพรตรู้ด้วยญาณที่เกิดจากสมาธิว่า เด็กทารกนี้จะมีอายุไม่ยืน ต้องตายภายใน ๗ วัน จึงบอกพราหมณ์สองสามีภรรยาไปว่า “ลูกของท่านจะได้รับอันตราย จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน ๗ วัน” พ่อแม่ของเด็กตกใจมาก รีบถามว่า “แล้วทำอย่างไรล่ะ เด็กถึงจะมีชีวิตรอด” นักบวชท่านนั้นตอบไม่ได้ ได้แต่แนะนำว่า “พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสามารถให้คำตอบท่านได้ ขอท่านไปเข้าเฝ้าพระองค์เถิด”

       พ่อแม่ลูกรีบพากันเดินทางไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ที่วัดพระเชตวัน พระบรมศาสดาทรงให้พรสองสามีภรรยาว่า “ขอให้มีอายุยืนนาน” ครั้นลูกชายนมัสการ พระพุทธองค์ก็ทรงนิ่ง ไม่ตรัสอะไร พราหมณ์จึงทูลถามด้วยความสงสัย พระบรมศาสดาก็ทรงพยากรณ์เหมือนที่นักพรตบอก แล้วได้ตรัสแนะกุศโลบายว่า “ถ้าท่านปรารถนาจะให้เด็กมีชีวิตอยู่รอด ขอให้ทำมณฑปไว้เป็นที่ปฏิบัติธรรม ปูลาดอาสนะไว้ ๑๖ ที่นั่ง เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์มาทำภาวนา และเจริญพระพุทธมนต์ แล้วให้ไปชักชวนมหาชน มาฟังพระสวดสาธยายพระปริตรตลอด ๗ วัน ถ้าทำอย่างนี้ เด็กก็จะปลอดภัย”

       ตามปกติ พราหมณ์ไม่เคยนิมนต์พระไปที่บ้าน เพราะยังไม่ศรัทธาในพระพุทธศาสนา แต่เพื่อชีวิตของลูกน้อย จึงยอมทำตามที่พระพุทธองค์ทรงแนะนำ ทั้งสองได้ช่วยกันจัดเตรียมต้อนรับพระภิกษุสงฆ์ ที่จะผลัดเปลี่ยนกันมาที่บ้านตลอด ๗ วันนั้น และให้ลูกน้อยนอนอยู่ตรงกลาง โดยมีพระนั่งล้อมรอบเพื่อเจริญพระพุทธมนต์ พร้อมทั้งมีมหาชนจำนวนมากนั่งฟังอยู่ด้วย

       วันที่ ๗ พระบรมศาสดาทรงเสด็จไปเป็นประธานในพิธี เหล่าเทวดาในหมื่นจักรวาล ตลอดจนพรหม อรูปพรหม ก็มาประชุมกันที่บ้านนั้น เพื่อมาฟังธรรม และปฏิบัติธรรมเต็มไปหมด แม้ในอากาศก็อยู่แน่นไปหมดจนไม่มีช่องว่าง

       ในวันนั้น อวรุทธกะยักษ์ตนหนึ่งซึ่งบำรุงท้าวเวสสวัณอยู่ ๑๒ ปี ได้รับพรว่า “ภายใน ๗ วันนี้ ให้สามารถจับเด็กทารกกินได้ตามชอบใจ” ยักษ์จึงได้มายืนคอยหาโอกาสจับเด็กทารกนี้กิน แต่เนื่องจากมีเหล่าเทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่มากมายมาประชุมกัน เทวดาผู้มีศักดิ์น้อยต้องถอยไปตามลำดับ ผู้อยู่หลังสุดไกลถึง ๑๒ โยชน์ แม้ยักษ์ก็ต้องถอยออกไปอยู่ด้านหลังสุด อีกทั้งพระบรมศาสดาทรงเจริญพระพุทธมนต์ตลอดทั้งคืน ทำให้มนุษย์ เทวดา พรหม อรูปพรหม ได้บรรลุธรรมกันมากมายนับไม่ถ้วน ครั้นครบ ๗ วัน ยักษ์จึงหมดโอกาสที่จะจับเด็กทารกนี้กิน

       เช้าวันที่ ๘ พราหมณ์สองสามีภรรยานำลูกน้อยมาถวายบังคมพระบรมศาสดา พระพุทธองค์ตรัสว่า “ทีฆายุโก โหตุ ขอให้กุมารน้อยนี้ จงเป็นผู้มีอายุยืนเถิด” แล้วยังทรงพยากรณ์ต่อไปอีกว่า “เด็กน้อยคนนี้ จะมีอายุยืนถึง ๑๒๐ ปีทีเดียว” พราหมณ์สองสามีภรรยาต่างปลื้มปีติยินดี เกิดความซาบซึ้งในคุณของพระรัตนตรัย ตั้งแต่นั้นมาจึงยึดเอาพระรัตนตรัยเป็นสรณะ แล้วตั้งชื่อให้ลูกว่า “อายุวัฒนกุมาร” เมื่อเติบโตขึ้น เขามีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง มีอายุยืนถึง ๑๒๐ ปีจริงๆ

       จากเรื่องนี้จะเห็นว่า การจัดบ้านให้ผู้มีบุญมาใช้เป็นที่สั่งสมบุญ มาทำความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจให้บังเกิดขึ้น จึงเป็นประดุจทิพยวิมานในเมืองมนุษย์ แม้แต่เทวดาก็มาร่วมฟังธรรมและปฏิบัติธรรมด้วย บ้านของเราจะสว่างไสวด้วยแสงแห่งธรรม ทำให้ภัยพิบัติทั้งหลายไม่มากล้ำกราย ทางโลกเขายังจัดงานปาร์ตี้เลี้ยงฉลองกันได้ แต่นี่พวกเรามาปฏิบัติธรรมสวดมนต์สรรเสริญพระรัตนตรัย ทำไมเราจะทำไม่ได้ เรามาชุมนุมกันทำความดี สร้างสังคมไทยให้น่าอยู่ ให้เป็นสังคมในอนาคตที่มีแต่คนดีที่โลกต้องการ ประเทศชาติของเราจะเจริญรุ่งเรือง ประชาชนจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข

       ดังนั้น พวกเราทุกคนจึงมีส่วนสำคัญในการรังสรรค์โลกนี้ให้เป็นโลกแก้ว โลกในอุดมคติที่มวลมนุษยชาติใฝ่หา ใบหน้าทุกคนมีแต่รอยยิ้ม เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและความปรารถนาดีต่อกัน โลกในอุดมคติจะเกิดขึ้นได้ ต้องเริ่มจากพวกเราผู้นำบุญยอดกัลยาณมิตรทุกคน ที่พร้อมจะเสียสละความสุขเล็กน้อย เพื่อประโยชน์สุขอันยิ่งใหญ่ของชาวโลก คือให้โอกาสกับคนรอบข้างตลอดจนเพื่อนมนุษย์ ด้วยการจัดเตรียมบ้านของเราให้เป็นบ้านกัลยาณมิตร เพื่อใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมร่วมกัน ให้ผู้มีบุญทั้งหลายได้เข้าถึงพระธรรมกาย แล้วสันติสุขจะแผ่ขยายไปทั่วโลก

พระธรรมเทศนาโดย: พระเทพญาณมหามุนี
นามเดิม พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)

* มก. เล่ม ๔๑ หน้า ๔๕๙

ที่มา - http://buddha.dmc.tv